วิธีเลือกไมค์บลูทูธไร้สายควรดูจากอะไรบ้าง?
"อยากอัดคลิป TikTok เสียงชัดๆ จัง" "ประชุมออนไลน์ทีไร เสียงเบาตลอดเลย" "อยากได้ไมค์คาราโอเกะที่ไม่ต้องต่อสายวุ่นวาย" ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้ "ไมค์บลูทูธ" คือคำตอบที่ง่ายและสะดวกสุดๆ ครับ!
เดี๋ยวนี้ไมค์บลูทูธฮิตมาก เพราะมัน ต่อตรงเข้ามือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ได้เลย ไม่ต้องมีเครื่องรับสัญญาณแยกให้เกะกะ แต่! มันก็มีหลายแบบ หลายราคา แล้วจะเลือกยังไงให้ได้ของดี เสียงโดนใจ ไม่เฟล?
ในฐานะ คนที่ลองเล่น ลองใช้ไมค์พวกนี้มาพอตัว บทความนี้จะมาแนะวิธีเลือกไมค์บลูทูธแบบง่ายๆ สไตล์เพื่อนคุยกัน เน้นจุดที่ต้องดูจริงๆ พร้อมบอก ข้อดีข้อเสียแบบไม่อวย ให้คุณเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ ได้ไมค์คู่ใจไปใช้งานแน่นอนครับ
1.ต้องเข้าใจก่อน: "ไมค์บลูทูธ" คืออะไร? (ต่างจากไมค์ลอย UHF นะ!)
ไมค์บลูทูธ: คือไมค์ที่ใช้สัญญาณ Bluetooth (คลื่น 2.4 GHz) ในการ "ส่งเสียงแบบไร้สาย เข้ามือถือ/คอมฯ โดยตรง" ไม่ต้องมีกล่องรับสัญญาณแยก (ส่วนใหญ่)
ต่างจากไมค์ลอย UHF ยังไง?: ไมค์ลอยแบบ UHF ที่นักร้องใช้กันบนเวทีใหญ่ๆ อันนั้นใช้ คลื่นวิทยุ UHF ซึ่งสัญญาณจะ นิ่งกว่า ไกลกว่า และโดนกวนยากกว่า แต่! ต้องมี "เครื่องรับสัญญาณ" แยกต่างหาก มาต่อเข้ากับเครื่องเสียง/มิกเซอร์ ไม่สามารถต่อตรงเข้ามือถือ/คอมฯ ได้ง่ายๆ เหมือน Bluetooth (และราคาก็สูงกว่าเยอะ)
สรุป: ถ้าคุณต้องการความ ง่าย สะดวก ต่อตรงกับมือถือ/คอมฯ -> ไมค์บลูทูธคือคำตอบ!
2.เสียงดีแค่ไหน? ดูอะไรบ้าง?
คุณภาพเสียงก็สำคัญเนอะ ดูง่ายๆ ประมาณนี้:
เสียงพูด/ร้อง ชัดไหม?: ลองหา รีวิวที่เค้าทดสอบเสียงจริง ฟังเทียบกันหลายๆ รุ่นจะดีที่สุด
ลดเสียงกวนรอบข้างได้ไหม?: ส่วนใหญ่ไมค์บลูทูธจะเป็นแบบ Cardioid คือเน้นรับเสียงจากด้านหน้า (ปากเรา) ช่วยลดเสียงลม เสียงคนคุยรอบๆ ได้ดีระดับนึง
(ถ้ามีสเปกบอก):
Frequency Response: ถ้าช่วงกว้างๆ หน่อย (เช่น 50Hz - 16kHz) ก็มักจะรับเสียงทุ้มแหลมได้ครบขึ้น
THD (Total Harmonic Distortion): เลขยิ่งน้อย (เช่น <1%) เสียงยิ่งใส ไม่แตกพร่า
เรื่องต้องรู้! "เสียงดีเลย์" (Latency) รับได้ไหม?
ธรรมชาติของ Bluetooth: ต้องยอมรับว่า Bluetooth ทุกชนิด มีโอกาสที่เสียงจะช้ากว่าปากพูด (ดีเลย์) "นิดหน่อย" เสมอ เพราะมันต้องแปลงสัญญาณไปมา
ใช้งานแบบไหน?:
พูดคุย / ประชุม / ไลฟ์สด / อัดคลิป VLOG ทั่วไป: ดีเลย์ระดับนี้ มักจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ คนฟังแทบไม่รู้สึก
ร้องคาราโอเกะ (แบบฟังเสียงตัวเองในหูฟัง) / เล่นดนตรีสด / เล่นเกมที่ต้องการความเป๊ะ: ดีเลย์แค่นิดเดียว "อาจจะ" ทำให้รู้สึกขัดใจ หรือเสียงไม่ตรงจังหวะได้
แบตเตอรี่: ใช้ได้นานแค่ไหน? ชาร์จยังไง?
ไมค์บลูทูธใช้แบตฯ ในตัว ต้องเช็คว่า:
ใช้งานต่อเนื่องได้กี่ชั่วโมง? ควรได้อย่างน้อย 3-6 ชั่วโมงขึ้นไป จะได้ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ
ชาร์จผ่านพอร์ตอะไร? (USB-C จะดีสุด ชาร์จง่าย), ใช้เวลาชาร์จนานไหม?
3. ระยะทำการ (Bluetooth ได้ไกลแค่ไหนนะ?)
ตามสเปก Bluetooth ทั่วไปคือ ประมาณ 10 เมตร (30 ฟุต) ในที่โล่ง ไม่มีอะไรกั้น
ในชีวิตจริง: ถ้ามีกำแพง, ประตู, หรือตัวคนบัง สัญญาณก็จะดรอปลง ระยะทำการจะสั้นลงกว่า 10 เมตรแน่นอนครับ เหมาะกับการใช้งานใกล้ๆ ตัว ไม่ใช่เดินพูดทั่วห้องประชุมใหญ่
4. ใช้กับ "อุปกรณ์" ของเราได้ไหม? (ต่อยังไง?) เช็ควิธีเชื่อมต่อ:
ส่วนใหญ่จะ Pair ผ่าน Bluetooth ในเมนู Settings ของมือถือ/คอมฯ ได้เลย
บางรุ่น (โดยเฉพาะที่ออกแบบมาใช้กับคอมฯ) อาจมี ตัวรับสัญญาณ USB Dongle เล็กๆ มาให้เสียบที่คอมฯ เพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียรกว่า
บางรุ่น ต้องใช้แอปพลิเคชัน ของผู้ผลิตในการเชื่อมต่อหรือตั้งค่า
เช็ค "หัวต่อ" (ถ้าต้องเสียบตัวรับ): ตัวรับสัญญาณเป็น USB-A หรือ USB-C? มือถือ/คอมฯ เรามีช่องเสียบนั้นไหม? ต้องใช้ Adapter แปลงหัวหรือเปล่า? (เช่น ไมค์ที่ตัวรับเป็น USB-C แต่จะใช้กับ iPhone รุ่นเก่าที่เป็น Lightning ก็ต้องหาตัวแปลง)
(สำหรับต่อกล้อง): ไมค์หนีบปกเสื้อไร้สายบางรุ่น ที่ตัวรับมีช่องเสียบ 3.5mm อาจต้องใช้ สายแปลง TRRS เป็น TRS เพื่อต่อเข้ากับช่องไมค์ของกล้องถ่ายวิดีโอ
ฟีเจอร์เสริม มีอะไรน่าสนใจ?
ระบบตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation): ช่วยลดเสียงแวดล้อมให้เสียงพูดชัดขึ้น (มีทั้งแบบในตัวไมค์ หรือทำผ่านซอฟต์แวร์)
ฟองน้ำ/ขนแมวกันลม (Wind Screen/Wind Muff): จำเป็นมากถ้าใช้นอกอาคาร ช่วยลดเสียงลม "ฟู่ๆ" ได้เยอะ
ปุ่ม Mute / ปรับเสียงที่ตัวไมค์: สะดวก ไม่ต้องไปกดที่คอมฯ/มือถือ
ดีไซน์/ขนาด/น้ำหนัก: เลือกที่พกพาสะดวก ใช้งานถนัดมือ
บทสรุป: เลือกไมค์บลูทูธให้ถูกใจ ต้องเข้าใจข้อดี...และข้อจำกัด!
ไมค์บลูทูธคือตัวเลือกที่ สะดวกสบายและใช้ง่ายมาก สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายโดยตรงกับมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต เหมาะสุดๆ กับงาน ประชุมออนไลน์, ไลฟ์สด, อัดคลิป VLOG, สอนออนไลน์, หรือร้องคาราโอเกะในแอปฯ
แต่ก็ต้อง ยอมรับข้อจำกัดเรื่อง "เสียงดีเลย์" (Latency) ที่อาจเกิดขึ้นได้บ้าง และ ระยะทำการที่ไม่ไกลเท่าระบบ UHF
การเลือกซื้อจึงต้องดูที่ คุณภาพเสียงที่รับได้, การใช้งานหลักของคุณ (ซีเรียสเรื่องดีเลย์ไหม?), แบตเตอรี่ที่ต้องการ, ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์, รูปแบบไมค์ที่ถนัด และ งบประมาณ ประกอบกัน ลองชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสีย และเลือกตัวที่ "ใช่" ที่สุดสำหรับคุณนะครับ!
วันนี้เราจะมาแนะนำ ไมค์ไวเลส ZTEC ของทางร้าน
ไมค์ไวเลส ZTEC ZM121 / ZM122
เป็นไมโครโฟนคู่ ที่สามารถแยกใช้งาน หรือใช้งานพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน การปรับโหมดการใช้งาน สามารถปรับแยกกัน ใช้งานสะดวกมากขึ้น บันทึกเสียงได้คมชัด เป็นธรรมชาติ และลดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี มีโหมดการใช้งานที่หลากหลาย สามารถปรับการใช้งานได้อย่างอิสระ กด 1 ครั้ง เพื่อเข้าสู่โหมดตัดเสียงรบกวน กด 2 ครั้ง เพื่อเข้าสู่โหมดร้องเพลง (KTV) เลื่อนสวิตซ์ เพื่อปิดการรับเสียง (Mute) เก็บง่าย ใช้งานสะดวก ด้วยเคสชาร์จ ที่สามารถเก็บ และชาร์จไฟได้ในตัว มีแบตเตอรี่ภายในขนาด 300mAh สามารถชาร์จไมโครโฟนได้ 2-3รอบ
ชาร์จไฟเข้าผ่านพอร์ต USB-C ใช้เวลาในการชาร์จเพียง 1 ชั่วโมง เคสชาร์จมีไฟแสดงแบตเตอรี่ ถึง 4 ดวง ดูพลังงานคงเหลือได้แบบเรียลไทม์ ไฟสว่าง 4 ดวง แสดงถึงแบตเตอรี่ 75% - 100% ไฟสว่าง 3 ดวง แสดงถึงแบตเตอรี่ 50% - 74% ไฟสว่าง 2 ดวง แสดงถึงแบตเตอรี่ 25% - 49% ไฟสว่าง 1 ดวง แสดงถึงแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 25% ไมโครโฟน 1 ข้างสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุดถึง 3 ชั่วโมง Plug and Play เชื่อมต่อสะดวก ใช้งานง่าย โดยไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่ม เชื่อมต่อได้เสถียร และมีระยะการเชื่อมต่อที่ไกลสุดถึง 20 เมตร ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายผ่านคลื่นสัญญาณ 2.4GHz รองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันต่างๆ ได้หลากหลายกว่า แอปฯโซเชียลมีเดีย , แอปภ่ายภาพ และแอปสำหรับบันทึกเสียง